การสร้างบ้านเป็นการลงทุนที่ใหญ่และสำคัญในชีวิต โดยเฉพาะการสร้างบ้านในประเทศไทยที่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณา ตั้งแต่การเลือกที่ดิน การขออนุญาตก่อสร้าง การเลือกวัสดุ ไปจนถึงการดูแลและบำรุงรักษาหลังจากการสร้างเสร็จ
ในวันนี้พวกเรามนมน จะขอแนะนำ 10 ข้อควรรู้ก่อนวางแผนสร้างบ้าน เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวและวางแผนได้อย่างรอบคอบ
1. การเลือกที่ดิน
สภาพแวดล้อมและทำเลที่ตั้ง
สำหรับผู้ที่กำลังหาซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้าน การเลือกที่ดินเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญมาก ควรพิจารณาสภาพแวดล้อม ทำเลที่ตั้ง ความสะดวกในการเดินทาง และความปลอดภัย ที่ดินที่อยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และห้างสรรพสินค้า จะเพิ่มคุณค่าและความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้กับครอบครัวของคุณในระยะยาวได้
การตรวจสอบข้อบังคับกฎหมาย
ก่อนซื้อที่ดิน ควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าที่ดินนั้น ๆ ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับสิทธิ์การครอบครอง ตรวจสอบโฉนดที่ดิน และความถูกต้องของข้อมูลต่าง ๆ และที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบกฎหมายผังสีเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายในภายหลัง
กฎหมายผังสีเมือง คืออะไร?
กฎหมายผังสีเมือง จะเป็นตัวกำหนดว่าพื้นที่ไหนในประเทศไทยสามารถสร้าง หรือห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างประเภทใดบ้าง รวมไปถึงข้อจำกัดของอาคารแต่ละประเภทด้วย ซึ่งกฎหมายนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะแม้ว่าคุณจะเห็นที่ดินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสามารถสร้างบ้าน สร้างตึกสูงได้ ก็ไม่ได้แปลว่าที่ดินผืนที่คุณกำลังสนใจอยู่ตอนนี้จะสามารถสร้างได้ ฉะนั้นควรตรวจสอบให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
2. การวางแผนงบประมาณ
การประเมินค่าใช้จ่าย
การสร้างบ้านมีค่าใช้จ่ายหลายด้าน เช่น ค่าที่ดิน ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงงาน และค่าดำเนินการ ควรประเมินค่าใช้จ่ายทั้งหมดอย่างรอบคอบ และเผื่อเงินสำรองไว้ประมาณ 30% หากเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้จ่ายฉุกเฉิน
การจัดหาทุน
หากต้องการกู้ธนาคาร ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อบ้านจากธนาคารต่าง ๆ และเลือกเงื่อนไขที่เหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ
3. การออกแบบบ้าน
การเลือกแบบบ้าน
เลือกแบบบ้านที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของครอบครัว ควรปรึกษาสถาปนิกเพื่อให้ได้แบบบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งานและความสวยงาม การจ้างสถาปนิกเพื่อวางแผนและออกแบบให้ดีตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดในขั้นตอนการก่อสร้าง ที่จะทำให้เสียทั้งเวลาและเงินโดยใช่เหตุ
การใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ
การออกแบบบ้านควรวางแผนการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภายในและภายนอก คำนึงถึงการจัดวางห้องต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน และการออกแบบพื้นที่โดยรอบบ้านให้เกิดสภาวะที่น่าอยู่
4. การขออนุญาตก่อสร้าง
การดำเนินการทางกฎหมาย
ก่อนเริ่มก่อสร้าง ต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือสำนักงานเขต เพื่อให้การก่อสร้างเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนด ซึ่งการดำเนินการในขั้นตอนนี้อาจใช้เวลารอนานสำหรับบางพื้นที่ ควรวางแผนจัดการเวลาให้ดี
การจัดทำเอกสาร
การขออนุญาตก่อสร้างต้องมีเอกสารหลายฉบับ เช่น แบบแปลนก่อสร้าง รายการวัสดุ และใบอนุญาตต่าง ๆ จากสถาปนิกและวิศวกร ไปจนถึงเอกสารยืนยันตัวตนของเจ้าของบ้าน ควรจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง เพื่อความรวดเร็วในการยื่นขออนุญาต
5. การเลือกผู้รับเหมา
การตรวจสอบประวัติและผลงาน
การเลือกผู้รับเหมาเป็นขั้นตอนที่สำคัญ ควรตรวจสอบประวัติและผลงานที่ผ่านมา เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับเหมามีความเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือ แน่นอนว่าผู้รับเหมาที่ดีอาจไม่ใช่ผู้รับเหมาที่เสนอราคาถูกที่สุดให้กับคุณ ควรตรวจสอบราคากลาง เพื่อประเมินความเป็นไปได้ และความสมเหตุสมผลของราคาให้ดีก่อนทำการว่าจ้าง
การเจรจาสัญญา
ควรเจรจาสัญญาอย่างละเอียด และทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณ เวลาก่อสร้าง และเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างชัดเจน เน้นย้ำว่าต้องเป็นเอกสารสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น
6. การเลือกวัสดุก่อสร้าง
คุณภาพและราคา
ควรเลือกวัสดุก่อสร้างที่มีคุณภาพดีและราคาที่เหมาะสม เพื่อให้บ้านมีความทนทานและปลอดภัย ควรเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แหล่งเพื่อให้ได้วัสดุที่คุ้มค่า คุ้มราคา
การเลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เลือกวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน เช่น วัสดุที่มีการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
7. การควบคุมการก่อสร้าง
การตรวจสอบงานก่อสร้าง
เจ้าของบ้านควรเข้ามาตรวจสอบงานก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ หรือสามารถว่าจ้างที่ปรึกษามืออาชีพให้เข้ามาตรวจสอบแทนได้ เพื่อให้แน่ใจว่างานก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลนและคุณภาพที่กำหนด หากพบปัญหาควรแจ้งให้ผู้รับเหมาแก้ไขทันที
การจัดการกับปัญหา
การก่อสร้างอาจพบปัญหาหลายอย่าง เช่น ปัญหาด้านวัสดุหรือการดำเนินงาน ควรมีการสื่อสารที่ดีระหว่างเจ้าของบ้านและทีมงานผู้รับเหมาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
8. การติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปา
การเลือกช่างที่มีความเชี่ยวชาญ
การติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปาเป็นงานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ควรเลือกช่างที่มีประสบการณ์และได้รับการรับรอง เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งาน
การตรวจสอบระบบ
หลังการติดตั้ง ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าและประปาอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าช่างสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องและไม่มีปัญหา โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาที่อยู่ในการรับประกัน หากพบปัญหาน้ำรั่วซึม ไฟฟ้ามีปัญหา ให้รีบติดต่อทีมช่างให้มาแก้ไขให้ทันที
9. การตกแต่งภายใน
การเลือกเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่ง
การตกแต่งภายในบ้านควรเลือกเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งที่เหมาะสมกับสไตล์และการใช้งาน ควรคำนึงถึงความสะดวกสบายและการใช้งานที่ยาวนาน
การจัดวางพื้นที่
การจัดวางพื้นที่ภายในบ้านควรให้เหมาะสมกับการใช้งาน ควรมีพื้นที่ที่โปร่งและสะดวกในการสัญจรไปมาภายในบ้าน โดยเฉพาะพื้นที่ที่เป็นทางเดิน ไม่ควรวางเฟอร์นิเจอร์หรือวัสดุตกแต่งใด ๆ ขวาง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความอันตรายได้
10. การดูแลและบำรุงรักษาหลังการสร้าง
การตรวจสอบสภาพบ้าน
หลังจากการสร้างเสร็จ ควรตรวจสอบสภาพบ้านอย่างสม่ำเสมอ หากพบปัญหา เช่น รอยผนังร้าว สีหลุดร่อน หลังคามีน้ำรั่วซึม ควรแจ้งทีมงานรับสร้างบ้านให้สามารถแก้ไขได้ทันที
การบำรุงรักษาประจำ
การบำรุงรักษาบ้านอย่างสม่ำเสมอจะช่วยยืดอายุการใช้งานของบ้านและรักษาสภาพให้เหมือนใหม่ ควรทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านตามความจำเป็น
สรุป
การสร้างบ้านในประเทศไทยมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ตั้งแต่การเลือกที่ดิน การวางแผนงบประมาณ การออกแบบบ้าน การขออนุญาต การเลือกผู้รับเหมา การเลือกวัสดุก่อสร้าง การควบคุมการก่อสร้าง การติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปา การตกแต่งภายใน ไปจนถึงการดูแลและบำรุงรักษาหลังการสร้าง การเตรียมตัวและวางแผนอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถสร้างบ้านที่ตรงกับความต้องการและมีคุณภาพสูง