ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนชื้นเกือบตลอดปี การออกแบบบ้านที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี และกรองความร้อนที่จะเข้าสู่ตัวบ้านได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้บ้านเย็นสบายและลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศ บทความนี้จะแนะนำเทคนิคต่าง ๆ ในการออกแบบบ้านให้เย็นสบาย ในเมืองไทยที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น
การวางแผนผังบ้าน (Layout Planning)
ทิศในการวางแผนผังบ้านมีความสำคัญอย่างมากในการรับลมและแสงแดด ควรจัดให้ห้องที่ใช้เวลาอยู่มาก เช่น ห้องนั่งเล่นควรให้อยู่ในตำแหน่งที่ได้รับลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือหรือตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นทิศทางที่ลมพัดเข้ามาบ่อย สำหรับห้องนอน หากเป็นคนชอบตื่นเช้า หรือมีความจำเป็นต้องรีบตื่นไปทำงานตอนเช้า ควรจัดห้องนอนไว้ในทิศตะวันออก เพราะเป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงแดดในตอนเช้าจึงเป็นนาฬิกาปลุกอย่างดีให้กับคุณได้แน่นอน แถมในตอนกลางคืนความร้อนก็จะถูกถ่ายเทไปได้เยอะกว่าทิศใต้หรือทิศตะวันตก ที่แม้จะมืดค่ำแล้ว แต่ถ้าลองเอามือไปจับผนังดู จะรู้สึกว่ามันยังคงอุ่น ๆ ซึ่งเป็นผลจากการโดนแดดมาทั้งวันนั่นเอง นอกจากนี้การออกแบบบ้านให้มีพื้นที่เปิดโล่ง ไม่ต้องมีกำแพงกั้นห้อง เช่น ลานกลางบ้านหรือห้องโถงขนาดใหญ่ จะช่วยให้ลมสามารถไหลเวียนได้ทั่วบ้าน และยังทำให้บ้านดูโปร่งโล่งขึ้นอีกด้วย
การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง (Material Selection)
การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ช่วยในการถ่ายเทอากาศเร็วและเก็บสะสมความร้อนได้น้อย เช่น อิฐมวลเบา กระเบื้องเซรามิก หรือไม้ธรรมชาติ จะช่วยให้บ้านเย็นลง นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการใช้วัสดุที่มีการสะสมความร้อนสูง เช่น กระจกใสบานใหญ่ ๆ ซึ่งจะทำให้บ้านร้อนขึ้นในช่วงกลางวัน นอกจากชนิดของวัสดุ สีของวัสดุก็มีผลกับความร้อนเช่นกัน ลองนึกถึงวันที่คุณต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง แล้วใส่เสื้อสีขาวกับวันที่ใส่เสื้อสีดำ แม้ว่าอุณหภูมิความร้อนจะเท่า ๆ กัน แต่ทำไมวันที่ใส่เสื้อสีดำจะรู้สึกร้อนกว่า? นั่นก็เพราะว่าสีดำมีคุณสมบัติในการดูดความร้อนได้ดี ส่วนสีขาวจะเป็นสีที่ดูดความร้อนได้น้อยที่สุด ดังนั้น การใช้สีขาวในการออกแบบบ้านจึงทำให้บ้านเย็นสบายกว่าสีอื่น ๆ เช่นเดียวกัน
การออกแบบช่องเปิด (Openings Design)
การออกแบบช่องเปิด เช่น หน้าต่างและประตู มีผลต่อการถ่ายเทอากาศ ควรมีการออกแบบให้มีหน้าต่างที่สามารถเปิดได้เยอะ ๆ ในแต่ละห้อง เพื่อให้ลมสามารถพัดผ่านได้ดี นอกจากนี้การใช้บานพับหรือบานเลื่อนที่สามารถเปิดได้กว้างจะช่วยให้การถ่ายเทอากาศมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งสำคัญคือการออกแบบให้มีช่องเปิดที่อยู่ในทิศทางตรงข้ามกัน จะช่วยให้ลมพัดผ่านได้ทั้งบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ คุณคงเคยเห็นบางบ้านหรือบางห้องของคุณที่มีหน้าต่างใหญ่มาก แต่ทำไมลมถึงไม่เข้า นั่นอาจเป็นเพราะว่า ทิศทางของช่องเปิดที่อยู่ในแนวเดียวกันหมด ทำให้อากาศไม่ถ่ายเท การไหลเวียนของลมธรรมชาติ จะต้องมีทางเข้าและทางออกอยู่คนละด้าน ลมจะไม่พัดเข้าและพัดออกทางช่องเดิมในลักษณะม้วนกลับแบบยูเทิร์นแน่นอน
การใช้หลังคาทรงสูง (High Roof Design)
โดยปกติคนที่อาศัยอยู่บ้านสองชั้นจะเข้าใจดีว่าในตอนกลางวันหรือช่วงเย็น ๆ บ้านชั้น 2 จะร้อนกว่าชั้นล่างอยู่แล้ว เพราะอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากกว่า เกิดความร้อนที่สะสมมาทั้งวัน ซึ่งบ้านที่มีการใช้หลังคาทรงสูง อย่าง หลังคาทรงจั่วและหลังคาทรงปั้นหยา จะเป็นตัวช่วยลดความร้อนที่สะสมอยู่ในส่วนชั้นบนของบ้าน การระบายความร้อนออกก็จะไวขึ้น ยิ่งหลังคาสูงชันมากก็เหมือนกับการมีพื้นที่รับแสงแดดแทนได้มากเท่านั้น การใช้วัสดุมุงที่สะท้อนความร้อนสำหรับหลังคาก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่น เมทัลชีทที่มีการเคลือบสารกันความร้อน หรือเทคโนโลยีกันความร้อนจากหลังคารุ่นใหม่ ๆ ก็เป็นทางเลือกที่ดี นอกจากนี้ การออกแบบให้มีช่องระบายอากาศบนหลังคาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ความร้อนที่สะสมอยู่สามารถระบายออกไปได้ง่ายขึ้น บ้านของคุณก็จะเย็นสบายมากขึ้น
การใช้ฉนวนกันความร้อน (Insulation)
การติดตั้งฉนวนกันความร้อนบนหลังคาและผนังบ้านจะช่วยลดการสะสมความร้อนและช่วยให้บ้านเย็นขึ้น การใช้ฉนวนกันความร้อนที่มีคุณภาพสูงจะช่วยลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศในการทำความเย็นภายในบ้าน เช่น การใช้ฉนวนใยแก้วหรือฉนวนโพลียูรีเทน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้ดี การลงทุนติดตั้งฉนวนกันความร้อนให้กับบ้าน แม้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เมื่อเทียบกับการเข้ามาอยู่อาศัยแล้วต้องเสียค่าไฟเยอะทุก ๆ เดือน ยอมลงทุนตั้งแต่แรกอาจจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดเงินได้อีกหลายเท่าในระยะยาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉนวนกันความร้อนก็มีอยู่หลากหลายให้เลือกใช้ ควรเลือกฉนวนที่เกรดดี ๆ คุ้มค่ากับราคา จะเลือกติดตั้งเฉพาะบางส่วนที่ได้รับความร้อนสูง อย่างทิศใต้กับทิศตะวันตก หรือจะเลือกติดตั้งทั้งหลังเลยก็ควรพิจารณาให้ดีตามความเหมาะสม
การปลูกต้นไม้ธรรมชาติ (Natural Vegetation)
การปลูกต้นไม้รอบบ้านจะช่วยสร้างร่มเงาและลดความร้อนที่เข้าสู่บ้าน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ทำให้บ้านเย็นขึ้น การใช้ไม้เลื้อยหรือพืชที่คลุมหลังคาจะช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านได้ดี การปลูกต้นไม้ที่มีใบหนาและให้ร่มเงา เช่น ต้นจามจุรี จะช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านได้มากขึ้น ทั้งนี้ การเลือกชนิดพันธุ์ไม้ที่จะปลูก และตำแหน่งของต้นไม้ก็เป็นสิ่งสำคัญ คุณต้องมั่นใจก่อนว่า รากของต้นไม้จะไม่ไปทำลายโครงสร้างของตัวบ้านหรือรั้วบ้าน ไม้บางชนิดใบร่วงง่าย ต้องขยันกวาดเศษใบไม้บ่อย ๆ ไม้บางชนิดที่เป็นไม้เนื้ออ่อน เปราะง่าย ก็ไม่ควรปลูกใกล้กับหลังคาบ้านหรือโรงจอดรถ เพื่อป้องกันเหตุกิ่งไม้หักและตกใส่หลังคา สร้างความเสียหายให้ทรัพย์สินของคุณเอง หากไม่แน่ใจควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด
การออกแบบระเบียงและกันสาด (Balconies and Awnings)
การออกแบบบ้านให้มีส่วนของระเบียงและกันสาดจะช่วยป้องกันแสงแดดที่เข้ามาสู่บ้านโดยตรง การใช้กันสาดที่มีขนาดพอดี และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม สัมพันธ์กับทิศทางของแดด จะช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านได้ นอกจากนี้การเลือกใช้วัสดุก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการใช้วัสดุกันสาดที่มีคุณสมบัติการระบายความร้อนดี เช่น ระแนงไม้หรือผ้าใบจะช่วยให้การกรองแสงและความร้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การออกแบบแสงสว่าง (Lighting Design)
การใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ในการออกแบบบ้าน จะช่วยลดการใช้พลังงานจากดวงโคมภายในบ้าน ควรมีการออกแบบหน้าต่างและช่องเปิดให้แสงแดดเข้ามาได้มากที่สุด โดยไม่ให้แสงแดดส่องเข้ามาโดยตรง การใช้กระจกที่มีการเคลือบสารกันความร้อนจะช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่บ้านได้ดี แต่ยังคงทำให้บ้านสว่างได้โดยที่ไม่ต้องเปิดไฟหลาย ๆ ดวงในช่วงกลางวันอีกด้วย สำหรับแสงสว่างจากดวงโคมของบ้าน การเลือกอุณหภูมิของหลอดไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละพื้นที่ นอกจากจะเป็นผลดีต่อดวงตาและความรู้สึกของผู้ใช้งานแล้ว ยังส่งผลไปถึงการแผ่ความร้อนภายในตัวบ้านอีกด้วย
การออกแบบพื้นที่ภายนอก (Outdoor Space Design)
การออกแบบพื้นที่ภายนอก เช่น สวนหรือลานหน้าบ้าน จะช่วยเพิ่มการระบายอากาศและลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวบ้านได้ การปลูกต้นไม้และสร้างแหล่งน้ำ เช่น บ่อน้ำหรือสระน้ำ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความร้อนในบ้านได้ดีเลยทีเดียว
สรุป ออกแบบบ้านให้เย็นได้ แม้สภาพอากาศเมืองไทยจะร้อนมากขึ้นทุกปี
การออกแบบบ้านเพื่อการระบายอากาศที่ดีในสภาพอากาศร้อนอย่างเมืองไทยเราเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด การใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การวางแผนผังบ้าน การเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การออกแบบช่องเปิด การใช้หลังคาทรงสูง การใช้ฉนวนกันความร้อน การปลูกต้นไม้ธรรมชาติ การออกแบบระเบียงและกันสาด การออกแบบแสงสว่าง และการออกแบบพื้นที่ภายนอก อย่างสวนหน้าบ้าน นอกจากจะช่วยให้บ้านของคุณเย็นสบายแล้ว ยังช่วยลดการใช้พลังงาน ลดโลกร้อน ประหยัดค่าไฟ และเพิ่มคุณภาพชีวิตของคุณและคนที่คุณรักได้อีกนาน